หลังจากการปลดล็อกกัญชาแล้วหลายคนก็ยังมีความกังวลและไม่แน่ใจเรื่องของกฎหมายว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้สามารถครอบครองกัญชาไว้สำหรับการใช้งานส่วนตัวได้ รวมถึงในด้านการประกอบธุรกิจด้วยเช่นกันก็สามารถทำได้แต่ว่าต้องมีการขออนุญาตอย่างถูกกฎหมาย และไม่จำหหน่ายให้กับเยาว์ชน

หลังจากปลดล็อกกัญชาแล้วในอนาคตจำเป็นต้องมีกฎหมายตัวลูกเพื่อรองรับการทำสิ่งต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น แต่ในตอนนี้ยังไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมเข้ามามากนัก เดียวเรามาอัพเดทกันคร่าว ๆ ก่อนดีกว่าว่าอะไรจะทำได้บ้าง และอะไรไม่สามารถทำได้

สำหรับคนที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องของกัญชาและอยากรู้ว่าอะไรที่เราสามารถทำได้และอะไรที่ไม่สามารถทำได้ ลองอ่านจากบทความนี้ดูก่อน เพื่อเป็นการป้องกันและรู้ว่ากฎหมายนั้นครอบคลุมถึงไหน จะได้ไม่มีปัญหาตามหลังมาด้วย แม้แต่คนทั่วไปก็ควรจะทราบไว้ก็ดีเหมือนกัน

สิ่งที่ทำได้เกี่ยวกับกัญชา

การสูบกัญชา

การสูบกัญชาหลังจากการปลดล็อกกฎหมายสามารถทำได้เหมือนปกติทั่วไป ไม่ได้มีการผิดกฎหมายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามมันก็มีกฎหมายอีกตัวก็คือ “กฎหมายสาธารณสุข” โดยกฎหมายดังกล่าวจะเป็นการห้ามสูบในที่สาธารณะ หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท แต่คุณสามารถสูบภายในบริเวณหรือในบ้านของคุณได้ และจะต้องไม่เป็นการรบกวนบุคคลอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากการสูบกัญชา หากกลิ่นควันไปรบกวนผู้อื่นคุณอาจจะถูกแจ้งเหตุรำคาญและถ้าไม่ปรับปรุงแก้ไขก็จะมีความผิดตามกฎหมายอีกด้วย

ขายส่วนต่าง ๆ ของพืชกัญชาได้

ลำต้นกัญชา

ส่วนต่าง ๆ ของพืชอย่างกัญชาเราสามารถจำหน่ายได้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตและไม่ผิดกฎหมายใด ๆ จากกฎหมายว่าด้วยสารเสพติด แต่ในส่วนของเมล็ดพันธุ์และกิ่งที่ต้องการจัดจำหน่ายยังต้องขออนุญาตตามพระราบบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 อยู่ หลังจากขออนุญาตแล้วคุณก็สามารถขายได้อย่างไม่มีปัญหาใด ๆ และจำเป็นจะต้องแสดงใบอนุญาตอย่างเปิดเผยด้วย

ปลูกกัญชาที่บ้านและทำเชิงพาณิชย์ได้

ในข้อนี้ประชาชนทั่วไปสามารถเพาะปลูกหรือครอบครองกัญชาได้อย่างไม่ต้องกังวล แต่จำเป็นจะต้องมีการขึ้นทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น “ปลูกกัญ” หรือเว็บไซต์ของ อย. หรือติดต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจังหวัดได้เลย นอกจากนี้ยังมีโครงการสนับสนุนจากภาครัฐอย่าง “กัญชา 1 ล้านต้น” ที่จะทยอยแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไป โดยลงทะเบียนรับได้จากเว็บของ “กรมวิชาการเกษตร” ได้เลย

ส่วนสายพันธุ์กัญชาที่แจกในโครงการนั้น จะเป็นกัญชา “พันธุ์อิสระ 01” ถูกพัฒนาโดยกรมการแพทย์และกรมวิชาการเกษตรรวมถึงมูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์

ใช้เป็นส่วนผสมสำหรับใส่ในอาหารได้

อาหารผสมกัญชา

ในการใส่กัญชาลงในอาหารเราสามารถทำได้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ว่าต้องใช้เฉพาะส่วน “ใบ” เท่านั้น เนื่องจากว่าในใบกัญชาสดจะมีสาร CBD และ THC อยู่ในนั้น หากเทียบกับส่วนอื่น ๆ แล้วใบจะมีสาร THC น้อยกว่าจึงสามารถนำมาประกอบอาหารได้แบบถูกกฎหมาย

เราอยากให้คุณลองอ่านเรื่อง สาร THC และ CBD แตกต่างกันอย่างไร เพราะเพื่อน ๆ บางคนอาจจะไม่รู้ว่าสารตัวไหนส่งผลให้เกิดอาหารมึนเมา ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท หรือส่วนไหนเหมาะกับการรักษาและการบริโภคทั่วไปสำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้งานกัญชา เพื่อที่จะได้มีความเข้าใจและสามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสม

หากคุณเป็นร้านอาหารที่เข้ามาอ่านบทความของเรา เราอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ติดป้ายบอกลูกค้าหากอาหารของคุณมีการผสมกัญชาลงไป เพราะบางคนมีอาการแพ้กัญชาเพื่อที่คุณจะได้ไม่ถูกฟ้องร้อง และลูกค้าก็เกิดความเชื่อมั่นกับร้านของคุณด้วย

สิ่งที่ทำไม่ได้เกี่ยวกับกัญชา

ห้ามใช้สาร THC เกิน 0.2% หรือสกัดออกมาแล้วมีค่า THC สูงกว่าที่กำหนด

สาร THC เป็นสารที่ทำให้เกิดอาการมึนเมา ออกฤทธิ์โดยตรงต่อระบบประสาท โดยส่วนมากแล้วมักจะใช้ในเชิงสันทนาการกันเป็นส่วนใหญ่ ในปัจจุบันกฎหมายของบ้านเราได้มีการกำหนดแล้วว่าหากคุณมีสาร THC เกิน 0.2% ในร่างกายหรือในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะมีความผิดตามกฎหมายทันที ข้อนี้ต้องระวังกันให้ดี

ในส่วนของการผลิตเพื่อใช้จัดจำหน่ายหรือใช้ในโอกาสต่าง ๆ หากผลิตภัณฑ์นั้นมีค่า THC สูงกว่า 0.2% คุณจำเป็นจะต้องมีการขออนุญาตจากทาง อ.ย. ก่อน รวมถึงผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีค่า THC สูงกว่า 0.2% ก็ต้องมีใบอนุญาตในการซื้อด้วยเช่นกัน

ห้ามนำเข้าพืชกัญชาลักษณะเป็นต้น ยกเว้นเมล็ดพันธุ์

ต้นกัญชา

ในการนำเข้ากัญชาคุณไม่สามารถนำต้นกัญชาเข้ามาได้ แต่สามารถนำเมล็ดพันธุ์เข้ามาในประเทศไทยได้ แต่ทั้งนี้หากคุณต้องการเอาต้นเข้ามาคุณจำเป็นจะต้องขออนุญาตเสียก่อน เพราะหากไม่มีการขออนุญาตก็จะมีความผิดตามกฎหมายได้

ห้ามจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี

ในการจัดจำหน่ายนั้นปกติเราสามารถซื้อ ขาย ได้ตามปกติกับบุคคลทั่วไป แต่สำหรับบุคคลที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปี เราไม่สามารถจัดจำหน่ายให้ได้ เนื่องจากว่าสารในกัญชาจะส่งผลกับเด็กหรือผู้ที่อยู่ในวัยเจริญเติบโตได้ค่อนข้างมากและทำให้เกิดอันตรายได้ แต่สำหรับกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไปจะมีการเจริญเติบโตสมบูรณ์แล้ว การส่งผลกระทบจะน้อยกว่ากลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีมากเลยทีเดียว

สรุป

จริง ๆ ในอนาคตคาดว่าน่าจะมีการอัพเดทตัวกฎหมายเพิ่มเติม เพราะจากเดิมกฎหมายดังกล่าวที่เป็นการปลดล็อกกัญชานั้นยังเป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น ยังต้องมีการควบคุมในส่วนอื่น ๆ ด้วย ในการปลดล็อกครั้งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญให้กับคนที่ต้องใช้กัญชาในการรักษาหรือเพื่อใช้ในด้านอื่น ๆ หากมีกฎหมายใหม่ ๆ มาทางเราจะมาอัพเดทให้กับเพื่อน ๆ ทราบกันอีกครั้ง

สินค้าในรถเข็น0
There are no products in the cart!
Continue shopping