กัญชงและกัญชาแตกต่างกันอย่างไร ? การประยุกต์ใช้น่าสนใจมาก

กัญชงและกัญชาแตกต่างกันอย่างไร ? การประยุกต์ใช้น่าสนใจมาก

เมื่อกัญชาปลดล็อกแล้วหลายคนก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับกัญชากันมากขึ้น และในเรื่องของกัญชาแล้วก็ยังมีเรื่องของกัญชงที่หลายคนยังคงสับสนอยู่ว่ามันแตกต่างกันอย่างไร เพราะมีชื่อคล้ายกันและรวมถึงลำต้นก็มีความคล้ายกันจนแยกแทบไม่ออก และก็ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ว่ามันต่างกันตรงไหน เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นเดียวเรามาทำความรู้จักกับเจ้าพืช “กัญชง” และ “กัญชา” กันเลยดีกว่า

น้ำมันกัญชาคืออะไร ? ของดีที่ใช้สำหรับการแพทย์ (กดเลือกดูได้)

กัญชงคืออะไร

กัญชง เป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ตระกูลเดียวกับกัญชา โดยมีความแตกต่างกันทางด้านกายภาพและตัวสาระสำคัญที่นำมาใช้ โดยลักษณะของลำต้นจะสูงกว่ากัญชา และจำนวนแฉกของกัญชงจะมีเฉลี่ยอยู่ที่ 7 – 11 แฉก ก่อนที่กัญชาจะถูกปลดล็อก ตัวกัญชงเองก็อยู่ในกลุ่มของสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ด้วยเช่นกัน

สำหรับตัวสาระสำคัญที่อยู่ในกัญชงก็จะมีทั้ง THC และสาร CBD อยู่ในตัวมันด้วยเช่นกัน แต่ถ้าให้เทียบกับกัญชาแล้วยังมีปริมาณที่น้อยกว่า โดยส่วนมากแล้วกัญชงมักจะใช้กับอุตสาหกรรมการผลิตมากกว่า เพราะด้วยตัวเส้นใยที่มีปริมาณมากกว่าและคุณภาพสูงกว่ากัญชา จึงนำมาใช้ทำสิ่งทอเสื้อผ้า ทำกระดาษ รวมถึงเกี่ยวกับเรื่องอาหารและเครื่องสำอางก็ด้วย

กัญชาคืออะไร

กัญชาก็เป็นพืชวงศ์ตระกูลเดียวกับกัญชง แต่มีการแบ่งย่อยอีกหลายสายพันธุ์ โดยลักษณะทางกายภาพจะมีลำต้นเตี้ยเป็นพุ่ม แตกกิ่งก้านมากกว่ากัญชง และตัวใบจะมีแฉกประมาณ 5 – 7 แฉกเท่านั้น สำหรับสารที่ได้จากกัญชาก็เหมือนกับกัญชงเลยคือมีทั้งสาร CBD และ THC แตกต่างกันที่ปริมาณของสารมากกว่า

ความแตกต่างระหว่างกัญชงและกัญชา

สำหรับความแตกต่างของกัญชงและกัญชาก็มีความแตกต่างกันทางด้านของกายภาพลักษณะลำต้น ใบ รวมถึงสารที่ได้ก็มีปริมาณแตกต่างกัน รวมถึงการนำไปประยุกต์ใช้ก็มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในด้านของสารที่มีความตรงข้ามกัน โดยกัญชงจะมีสาร THC น้อยกว่ากัญชา ส่วนกัญชาจะมีสาร CBD น้อยกว่ากัญชง

สรุป

สำหรับกัญชงจะนิยมใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอมากกว่าเพราะด้วยเส้นใยของมันมีมากกว่ากัญชาจึงเหมาะกับการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมนั้น ส่วนกัญชาจะถูกนำมาใช้ในเชิงการแพทย์ รวมถึงสกัดออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อใช้สำหรับการรักษาและการสันทนาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนำมาผลิตเป็นน้ำมันกัญชาเพื่อรักษาโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น ลมชัก คลายความวิตกกังวล รวมถึงการเจริญอาหาร ซึ่งเพื่อนๆ สามารถศึกษาคุณประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติมได้จากบทความของ Carenabiz เลย

ใช้กัญชาอย่างไรให้มีความปลอดภัย และดีต่อสุขภาพ

ใช้กัญชาอย่างไรให้มีความปลอดภัย และดีต่อสุขภาพ

สำหรับกัญชาก่อนหน้านี้ก็ยังผิดกฎหมายอยู่ แต่ด้วยช่วงหลังก็ได้มีการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์เกี่ยวกับการศึกษากัญชามากขึ้นทำให้เริ่มมีการปลดล็อกในบ้านเรา ซึ่งวัตถุประสงค์คือ “สำหรับใช้ในการแพทย์” แต่ตอนนี้กฎหมายของบ้านเราก็ยังไม่ได้มีการระบุอย่างชัดเจนมากเท่าไหร่นัก ในระหว่างนี้คิดว่าหลายคนน่าจะกำลังศึกษาเรื่องราวของกัญชาอยู่ว่ามีประโยชน์อย่างไร ในบทความนี้เราจะมาแนะนำว่าใช้กัญชาอย่างไรให้มีความปลอดภัย และดีต่อสุขภาพ

รู้จักกับสารในกัญชา

ในกัญชาจะมีสารที่สำคัญต่อทางการแพทย์และการใช้งานอยู่ 2 อย่างคือ THC และ CBD ถูกจัดในกลุ่มของ “Cannabinoid” โดยสารเหล่านี้มักจะถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ และมีกลุ่มบุคคลบ้างก็นำมาสูบหรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ “บ้องหรือพันลำ” เพราะเมื่อสูบแล้วจะทำให้เกิดความรู้สึกมึนเมา เคลิบเคลิ้ม แต่หากสูบเป็นระยะเวลานานก็มีความอันตรายต่อร่างกายอย่างมากด้วยเช่นกัน

ในสาร THC ก็มีผลทางการแพทย์ แต่แค่มีอันตรายต่อการใช้คือมีผลต่อจิตประสาท จึงควรที่จะมีการใช้งานที่เหมาะสมและถูกต้องหรือควรในการแนะนำของแพทย์จะดีที่สุด

ลองทำความรู้จักกับสารเหล่านี้ผ่านบทความ สาร THC และสาร CBD คืออะไร

ใช้กัญชามากเกินจะเกิดอะไรขึ้น

เชื่อว่าหลายคนรู้อยู่แล้วหากมีการใช้กัญชามากเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อร่างกาย สารส่วนใหญ่ที่คนทั่วไปใช้มักจะเป็นสาร THC เป็นหลัก โดยมีสรรพคุณทำให้เมา ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท และถ้าหากสารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปก็จะทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย เช่น

  • ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง ใจสั่น สติแปรปรวนอย่างมาก
  • ประสาทหลอน หูแว่ว
  • หวาดระแวง
  • สมองทำงานแย่ลง
  • มีผลกระทบต่อสมองอย่างมากสำหรับกลุ่มเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 25 ปี และอยู่ในระหว่างการเติบโตทำให้สมองเติบโตได้ไม่เต็มที่ ปริมาณเนื้อสมองลดลง รวมถึงความจำไม่ดีด้ดวย
  • สำหรับกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงทางด้านจิตเวช หรือมีประวัติของครอบครัวป่วยเกี่ยวกับทางจิต ก็มีโอกาสสูงอย่างมากที่จะเกิดประสาทหลอนถาวรสูงถึง 20% เลย

แต่สำหรับสาร CBD ที่นิยมนำมาสกัดเป็นน้ำมันกัญชาหรือนำมาเป็นส่วนผสมในยาต่างๆ จากการวิจัยพบว่ายังไม่เห็นผลกระทบในด้านการเสพติด หรือออกฤทธิ์ที่รุนแรงเหมือนกับสาร THC แต่เจ้าสาร CBD จะทำหน้าที่ในการยับยั้งการออกฤทธิ์ของ THC ด้วย แต่ก็ยังต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม โดยในปัจจุบันยังไม่ได้เห็นถึงความอันตรายของสารดังกล่าว และจากการวิจัยเบื้องต้นพบว่ามีความปลอดภัย

ในการบริโภคกัญชาจำเป็นจะต้องมีความระวังอย่างยิ่งในการใช้งาน และไม่ควรใช้หากคุณเป็นคนที่มีอาการติดสุรา ติดสารเสพติดต่างๆ เพราะหากมันออกฤทธิ์ควบคู่กันก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่นได้

กลุ่มคนที่ไม่ควรใช้กัญชา

ทั้งกัญชาและกัญชงไม่มีความแตกต่างกันเพราะเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ตระกูลเดียวกัน แต่มีความแตกต่างในปริมาณสารสำคัญรวมถึงการนำมาประยุกต์ใช้ โดยกลุ่มคนที่ควรหลีกเลี่ยงและไม่ควรใช้กัญชงและกัญชาเลยก็จะมีดังนี้

  • สตรีมีครรภ์หรือสตรีที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตร
  • เด็กเล็ก กลุ่มเยาว์ชน
  • ผู้ที่เป็นโรคชักและมียาประจำตัวอยู่แล้ว อาจจะส่งผลต่อยาที่รับประทานอยู่ได้
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด เพราะตัวกัญชงและกัญชาส่งผลโดยตรงต่อระบบเหล่านี้
  • โรคอื่นๆ ที่อยู่ในระหว่างการวิจัย

ในกลุ่มคนที่มีความสมบูรณ์ปกติดีไม่แนะนำอย่างยิ่งให้มีการใช้กัญชา เพราะร่างกายของเราปกติดีอยู่แล้วจึงไม่มีความจำเป็นต้องบริโภคเข้าไปเพื่อให้รับสาร THC เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นหากไม่จำเป็นก็เลี่ยงการใช้งานไปได้เลย

ใช้ขนาดไหนถึงจะปลอดภัย

ต้องบอกว่าด้วยน้ำหนักตัวและขนาดของร่างกายคนเราก็มีความแตกต่างกันไป รวมถึงการรับสารทั้ง THC และ CBD ในแต่ละคนก็ไม่เท่ากันด้วย จึงยากที่จะบอกว่าต้องทานเท่าไหร่ถึงจะปลอดภัย

โดยเราจะขออ้างอิงจากข้อมูล “กรมอนามัย” ที่มีการแนะนำว่าสำหรับการทำอาหารไม่ว่าจะเป็นการต้ม ผัด แกง ทอด ควรใช้แค่ 1 – 2 ใบต่อเมนูเท่านั้น และไม่ควรบริโภคเกินวันละ 2 เมนู เพราะอาจจะทำให้มีสาร THC อยู่ในร่างกายของเรามากเกินไป และเกิดอาการติดสารดังกล่าวในอนาคตได้ แต่สำหรับในฝั่งของ “น้ำมันกัญชา” ที่มีการสกัด จำเป็นจะต้องดูสัดส่วนการบริโภคอีกครั้ง เพราะแต่ละตัวก็ใช้ได้ไม่เท่ากัน

หากบริโภคมากจนเกินไปและเกิดอาการ “Overdose” ให้ดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อขับสาร THC ออกไปจากร่างกาย และรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดหากอาการไม่ดีขึ้น

สารตกค้างในร่างกายอยู่ได้กี่วัน

กลุ่มคนที่ไม่เคยใช้กัญชาเลยหรือนานๆ ครั้งมีการบริโภค การสูบ หรือรับกัญชาเข้าไปในทางใดทางหนึ่ง โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาประมาณ 5 วันในการขับออกผ่านทางปัสสาวะ อุจาระ ถ้าหากมีการบริโภคเป็นปริมาณมากๆ ทุกวันและใช้มาอย่างยาวนานแล้วจะอยู่ได้เป็นเดือนๆ เลย รวมถึงสารตกค้างจะเข้าไปอยู่ในส่วนต่างๆ ของร่างกายด้วยเช่น เลือด เล็บ เส้นผม น้ำลาย เหงื่อ ได้ด้วย แต่ถ้าเกิดให้ตรวจจาก Snoop Dogg แร๊ปเปอร์ฮิปฮอปชื่อดังหากเลิกสูบกัญชาก็จะเกิดสารตกค้างในร่างกายได้หลายเดือนเลย

กัญชา Snoop Dogg

หากมีการใช้อย่างสม่ำเสมอเหมือนกับ Snoop Dogg อาจจะมีสารตกค้างในร่างกายได้ถึง 3 เดือนเลย

สรุป

การบริโภคกัญชาก็สามารถทำได้ตามปกติ แต่ต้องอยู่ในระดับที่พอดีและไม่มากจนเกินไป ทุกสิ่งหากมีการบริโภคหรือใช้มากเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ โดยกัญชาเองเมื่อก่อนถูกจัดว่าอยู่ในกลุ่มของสารเสพติด แต่ถ้าเกิดนำมาประยุกต์ใช้ดีๆ ก็สามารถใช้ได้หลากหลายเลย รวมถึงยังเป็นความหวังให้กับในกลุ่มวงการแพทย์ในการนำมารักษา สกัดยารักษาได้อีกด้วย

น้ำมันกัญชาคืออะไร ? ของดีที่ใช้สำหรับการแพทย์

น้ำมันกัญชาคืออะไร ? ของดีที่ใช้สำหรับการแพทย์

เมื่อกัญชาได้ถูกกฎหมายแล้วถือว่าเป็นแสงสว่างให้กับคนที่ป่วยเป็นโรคต่างๆ และจำเป็นจะต้องใช้สาร THC และ CBD ที่สกัดได้จากกัญชงและกัญชา โดยสารสกัดที่ได้ก็มีหลากหลายรูปแบบทั้งแบบใช้ภายนอก ใช้ภายใน และแบบหยด สรรพคุณต่างๆ ก็แตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าถูกสร้างขึ้นมาช่วยรักษาโรคใด

แต่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศและอีกไม่นานในบ้านเราก็น่าจะได้รับความน่าสนใจเพิ่มขึ้นก็คือ “น้ำมันกัญชา” ที่สามารถนำใบกัญชามาสกัดสร้างยาได้อย่างหลากหลายชนิด และถือว่าเป็นความก้าวหน้าของวงการแพทย์อีกด้วย เดียวบทความนี้เราจะพามารู้จักกับน้ำมันกัญชากันว่าคืออะไร

น้ำมันกัญชาคืออะไร

น้ำมันกัญชาเกิดขึ้นจากการสกัดสาร CBD หรือ THC มาจากใบกัญชาจนทำได้ได้สารแบบเข้มข้น แล้วนำไปผสมกับส่วนผสมอื่นๆ เพื่อให้เกิดยารักษาใหม่ๆ ขึ้นมา ซึ่งการที่จะสกัดให้ได้มารฐานและไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายแล้วจำเป็นจะต้องได้รับการรองรับมาตรฐาน การตรวจสอบที่เข้มข้น เนื่องจากว่ามันถูกใช้ในทางการแพทย์เพื่อการรักษาเป็นหลักจึงจำเป็นต้องมีความเข้มงวดเป็นพิเศษ

น้ำมันกัญชาใช้กับอะไรได้บ้าง

ด้วยสรรพคุณของตัวกัญชาที่มีหลากหลายและสามารถนำต้นของมันมาสกัดได้เกือบทุกส่วน ทำให้มันมีประโยชน์อย่างมากต่อการรักษาโรคที่จำเป็นจะต้องใข้สาร CBD และสาร THC ที่สกัดได้จากกัญชา แต่ส่วนมากแล้วส่วนประกอบของตัวน้ำมันกัญชามักจะใช้ CBD ผสมอยู่ด้วยเพื่อลดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับ THC และไม่ทำให้เคลิบเคลิ้มหรือเกิดอาการเสพติดจากการใช้น้ำมัน

น้ำมันกัญชาสำหรับหยดใต้ลิ้น

ตัวน้ำมันกัญชาที่สำหรับหยดไว้ใต้ลิ้นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการรักษาโรคต่างๆ เนื่องจากว่าใต้ลิ้นของเรามีหลอดเลือดอยู่บริเวณนั้นเป็นปริมาณมากทำให้ตัวสารทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเพียงแค่หยดน้ำมันกัญชาในปริมาณที่เหมาะสม จากนั้นเอาไว้ใต้ลิ้นระยะเวลาหนึ่งแล้วค่อยกลืนลงไป จากนั้นโรคที่เราต้องการรักษาก็จะค่อยๆ ทุเลาลงไปเอง

โดยส่วนมากแล้วในการใช้น้ำมันกัญชาแบบหยดมักจะนิยมใช้รักษาโรคลมชัก ลมบ้าหมู ใช้สำหรับผ่อนคลายจากความเครียด รักษาโรคเรื้อรังต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้สาร CBD และ THC

และตัวน้ำมันกัญชาก็ยังมีหลากหลายสูตรให้เลือกตามการรักษาของอาการแต่ละโรค ทั้งนี้ต้องดูความเหมาะสมในการใช้งานและการผลิตด้วยว่าถูกผลิตขึ้นมาเพื่อรักษาอะไร ไม่สามารถใช้แบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้เหมือนกับยาทั่วไป

น้ำมันกัญชาสำหรับภายนอก

ตัวน้ำมันกัญชาที่ใช้สำหรับภายนอกนั้นก็ใช้ตามชื่อเลยคือใช้สำหรับการนวดหรือทาบริเวณผิวที่ต้องการ โดยจะช่วยลดอาการเจ็บปวดที่ไม่สามารถควบคุมได้หรืออาการเจ็บปวดรุนแรงมากกว่า นอกจากใช้บรรเทาอาการปวดแล้วก็ยังมีในเรื่องของการรักษาสิวด้วย แต่ก็ต้องดูส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์น้ำมันนั้นๆ ว่าเหมาะสำหรับการเอามารักษาสิวหรือไม่

ในการทาเพื่อบรรเทาปวดจะนิยมทาในจุดที่ปวดเลยจะทำให้ได้ผลดีที่สุด เพราะสารที่ถูกสกัดออกมาจะออกฤทธิ์เฉพาะจุดนั้นๆ มากกว่า

ในการใช้งานนั้นแบบที่หยดใต้ลิ้นจะไม่สามารถนำมาใช้กับภายนอกได้ เพราะตัวน้ำมันถูกออกแบบให้สำหรับหยดใต้ลิ้นเพียงเท่านั้น หากคุณนำแบบหยดใต้ลิ้นไปใช้กับภายนอกก็จะไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น ไม่ต่างกับการไม่ใช้เลย

ประโยชน์ของน้ำมันกัญชา

สรรพคุณที่ได้จากน้ำมันกัญชาก็มีความหลากหลายมากหากใช้ถูกวิธี เพราะสามารถบรรเทาอาการต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงทางการแพทย์เองก็นิยมนำไปรักษาผู้ป่วยด้วยเช่นกัน โดยประโยชน์ของมันหลักๆ ก็จะมีดังนี้

  • ใช้สำหรับการผ่อนคลาย คลายความเครียด
  • ใช้บนรรเทาอาการปวดต่างๆ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็ง
  • ใช้บรรเทาอาการลมชัก ลมบ้าหมู
  • ใช้ในการเจริญอาหาร หรือกับผู้ป่วยที่มีการเบื่ออาหาร
  • บรรเทาอาการหอบหืด

นอกจากนี้ยังสามารถรักษาพวกโรคพาร์กินสัน โรคสมองเสื่อม หรือรักษาโรคต่างๆ แต่ทั้งนี้ยังต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและศึกษาผลกระทบอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย

สรุป

น้ำมันที่สกัดได้จากกัญชาก็มีสรรพคุณที่หลากหลายและสามารถใช้รักษาอาการต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้หากใช้ในจุดที่เฉพาะหรือโรครที่เฉพาะมีความอ่อนไหวมากๆ ก็อาจจะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์และใช้ตามใบสั่ง

ทั้งนี้สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นหากเปรียบเทียบกับการสูบหรือที่เรารู้จักกันคือการใช้บ้องรวมถึงการพันลำ ในการใช้น้ำมันถือว่ามีความปลอดภัยกว่ามาก สำหรับคนที่ต้องการใช้น้ำมันกัญชาเพื่อความผ่อนคลายลองไปดูผลิตภัณฑ์ของ Carenabiz ได้เลย

รู้จักสาร THC และ CBD คืออะไร ? มีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด

รู้จักสาร THC และ CBD คืออะไร ? มีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด

c

สาร THC คืออะไร ?

สาร THC คืออะไร

สาร THC คือ สารชนิดหนึ่งที่อยู่ในกัญชา โดย THC นี้จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาททำให้มีอาการเคลิบเคลิ้ม มีความสุข ล่องลอย หรือแม้กระทั่งเพิ่มความอยากอาหาร เพื่อนๆที่กำลังอ่านบทความอาจจะเคยได้ยินว่า เมื่อสูบกัญชาเข้าไปแล้ว จะต้องตามด้วยของหวานหรือขนมต่างๆ นั่นก็เป็นผลมาจากสาร THC นั่นเอง

แต่ถ้าหากได้รับสาร THC มากจนเกินไป ก็จะทำให้เกิดอาการประสาทหลอนและเกิดผลข้างเคียงในระยะยาวได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นถ้าหากจะใช้สาร THC ก็ควรที่จะอยู่ในความดูแลของแพทย์หรือใช้งานอย่างถูกต้องและเหมาะสม

อีกทั้งในเรื่องทางกฎหมาย ทุกส่วนที่มาจากต้นกัญชาไม่ผิดกฎหมาย แต่สารสกัด ที่มี THC เกิน 0.2% จะถือว่าผิดกฎหมาย

สาร CBD คืออะไร ?

สาร CBD คืออะไร

สาร CBD คือ สารอีกหนึ่งชนิดที่ได้จากกัญชา โดยสารตัวนี้จะนิยมใช้ในเชิงการแพทย์เป็นหลัก ช่วยควบคุมการเกิดโรคชักเกร็ง อาการปวด และการออกฤทธิ์จะแตกต่างกับสาร THC โดยจากการวิจัยพบว่าสาร CBD จะไม่ทำให้เสพติดและไม่ทำให้เกิดอาการดื้อยาอีกด้วย

การทำงานของสาร THC และสาร CBD ทำงานอย่างไร

การออกฤทธิ์ของสาร THC และ CBD

ตัวสาร THC และสาร CBD ถูกจัดในอยู่ในกลุ่ม Cannabinoid สารนี้มีอยู่แล้วในร่างกายมนุษย์ซึ่งสามารถผลิตได้เอง ถ้าหากผลิตอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมก็จะทำให้เรามีความสุข ผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล และด้วยตัวสารดังกล่าวที่มีอยู่แล้วในร่างกายของเรา เมื่อมนุษย์ได้รับสาร THC และ CBD จากภายนอกเพิ่มเติมเข้าไปจึงทำให้ได้ผลของสาร Cannabinoid เพิ่มขึ้นนั่นเอง

สาร CBD และ THC ได้มาจากไหนบ้าง ?

สำหรับสาร CBD และ THC สามารถหาได้จากต้นกัญชงและต้นกัญชาที่มีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีสารเหล่านี้ในปริมาณที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และวิธีการปลูก โดยสำหรับคนที่ปลูกขายเป็นอาชีพหรือสำหรับใช้งานก็จะมีการดูแลเป็นพิเศษเพื่อให้ต้นที่ปลูกจะได้มีคุณภาพ และสามารถนำไปสกัดหรือนำไปสร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้

ประโยชน์และโทษของสาร THC และ CBD

ประโยชน์ของสาร THC และ CBD

ประโยชน์ของสาร THC และ CBD มีมากมายหลากอย่าง มันเป็นมากกว่าคำว่า “สารเสพติด” และยังเป็นเหมือนแสงสว่างให้กับผู้คนที่ต้องการใช้เพื่อรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วย เพื่อความผ่อนคลายและเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ประโยชน์คร่าวๆ ของมันก็มีดังนี้

  • ลดอาการเจ็บปวด ลดการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อหากได้รับในปริมาณที่เหมาะสม
  • ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ เพิ่มความอยากอาหาร
  • ช่วยในเรื่องของการนอนหลับและการผ่อนคลาย
  • ต้านอาการของโรคซึมเศร้า เพราะในตัวของสารจากกัญชาจะช่วยให้เรื่องของการผ่อนคลาย
  • บรรเทาอาการโรคลมชัก ซึ่งเรามักจะเห็นได้ในข่าวต่างประเทศที่หยดน้ำมันใต้ลิ้นให้กับผู้ที่เป็นลมชัก
  • ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง แต่ในข้อนี้ยังอยู่ในการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้ทราบถึงประสิทธิภาพสูงสุดของสารดังกล่าว

โทษของสาร THC และ CBD

ส่วนใหญ่แล้วโทษมักจะเกิดจากตัวสาร THC เป็นหลัก ถ้าหากได้รับมากจนเกินไปและติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน

  • เกิดอาการดื้อยาหากใช้บ่อยครั้ง และต้องเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ
  • มีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทและสมองหากใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
  • เกิดปัญหากับสุขภาพจิตได้ หากผู้ใช้มีประวัติหรือมีความเสี่ยงทางด้านอาการทางจิต
  • กระทบต่อการพัฒนาของสมอง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาว์ชนที่ยังมีการเจริญเติบโตของสมองไม่เต็มที่

กฎหมายเบื้องต้นเกี่ยวกับสาร THC และ CBD

ตัวกฎหมายที่ออกมาล่าสุดนั้นก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมในอนาคต จากการเพิ่มกฎหมายตัวลูกเข้าไป เบื้องต้นนั้นเราสามารถสูบกัญชา ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาได้อย่างถูกต้อง รวมถึงการเพาะปลูกด้วย โดยกฎหมายคร่าวๆ เกี่ยวกับกัญชงและกัญชาจะมีดังนี้

  • กัญชา กัญชง และสารสกัดแคนนาบิไดออล (CBD) ที่ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารเพื่อผลิตจำหน่าย ต้องเป็นเฉพาะส่วนของพืชที่กำหนดในประกาศของกระทรวงสาธารณสุข
  • ได้แก่ เมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง โปรตีนจากเมล็ดกัญชง ผลิตภัณฑ์อาหารที่ใช้เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน รากและใบ ซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย
  • ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการใช้ประโยชน์จากสารสกัด CBD ผู้ประกอบการขอขึ้นทะเบียนตำรับอาหารหรือขออนุญาตใช้ฉลากอาหาร
  • เงื่อนไขชนิดอาหาร ปริมาณ THC และ CBD และแสดงคำเตือนเป็นไปตามที่ประกาศกำหนด
  • ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะผลิตอาหารเพื่อจำหน่าย ต้องดำเนินการยื่นขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหารและเลขสารบบอาหารด้วย

ข้อกฎหมายดังกล่าวจะเป็นด้านของการบริโภคและการใช้มากกว่า สำหรับใครที่สนใจเพาะปลูกหรือต้องการจัดจำหน่ายอาจจะต้องไปอ่านจากประกาศของกระทรวงสาธารสุขได้เลย

รู้จักกับน้ำมันสกัดจากสาร CBD

น้ำมัน CBD

สาร CBD เป็นสารที่ให้สรรพคุณแตกต่างกับสาร THC และมักจะนิยมใช้ในทางการแพทย์และการรักษาโรคต่างๆ มากกว่า โดยสามารถหาสาร CBD ได้จากทั้งกัญชงและกัญชา โดยสกัดออกมาและผ่านขั้นตอนการผลิตจนทำให้ได้เป็น “น้ำมันสกัด” และสามารถนำไปใช้รักษาโรคต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย รวมถึงยังได้รับความสนใจอย่างมากสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวที่สามารถใช้สาร CBD ในการรักษา

อย่างที่เราได้บอกไปว่าเจ้าสาร CBD ไม่ทำให้เกิดการเสพติดและไม่ทำให้ดื้อยา จึงสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยหากเทียบกับสาร THC แล้วยังมีความอันตรายมากกว่า และสำหรับตัวน้ำมันจากสาร CBD ที่สำหรับใช้ในทางการแพทย์จำเป็นจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน และต้องมีการผสมให้เหมาะกับการรักษาแต่ละประเภทด้วย

และการได้มาซึ่งสาร CBD จำเป็นจะต้องสกัดมาจากกัญชงหรือกัญชา จากนั้นนำมาเจือจางลงเพื่อใช้สำหรับเป็นส่วนประกอบในทางการแพทย์หรือใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ

ประโยชน์ของน้ำมันก็ใช้ได้หลากหลายในการรักษาโรคต่างๆ อาทิเช่น

  • ใช้รักษาโรคลมบ้าหมู โรคลมชักต่างๆ
  • รักษาอาการป่วยทางจิตบางชนิด (ต้องถูกดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ)
  • ใช้สำหรับผ่อนคลาย
  • ใช้สำหรับบรรเทาอาการปวดที่ไม่สามารถควบคุมได้
  • อื่นๆ ขึ้นอยู่กับสรรพคุณที่ถูกผลิตขึ้นมา

สรุป

ทั้งตัวสาร THC และ CBD สามารถสกัดได้จากทั้งกัญชงและกัญชา และเป็น 2 สารในกลุ่มของ Cannabinoid ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลายในวงการแพทย์ และปัจจุบันในบ้านเราก็สามารถครอบครองกัญชาได้แล้ว แต่ก็ยังมีขีดจำกัดอยู่ ในการปลดล็อกครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าในวงการแพทย์อย่างมาก และมีโอกาสที่ผู้ป่วยที่จำเป็นจะต้องใช้สารดังกล่าวในการรักษาจะมีความสะดวกมากยิ่งขึ้นด้วย

หากคุณสนใจในเรื่องของน้ำมันสารสกัด CBD ก็ลองเข้าไปดูสินค้าของ Carenabiz ก่อนได้เลย ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการรองรับและผ่านมาตรฐานในการผลิตถูกต้องตามกฎหมายกำหนด

สินค้าในรถเข็น0
There are no products in the cart!
Continue shopping