สิ่งที่ทำได้และทำไม่ได้หลังปลดล็อกกัญชา ที่คุณควรต้องรู้

สิ่งที่ทำได้และทำไม่ได้หลังปลดล็อกกัญชา ที่คุณควรต้องรู้

หลังจากการปลดล็อกกัญชาแล้วหลายคนก็ยังมีความกังวลและไม่แน่ใจเรื่องของกฎหมายว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้สามารถครอบครองกัญชาไว้สำหรับการใช้งานส่วนตัวได้ รวมถึงในด้านการประกอบธุรกิจด้วยเช่นกันก็สามารถทำได้แต่ว่าต้องมีการขออนุญาตอย่างถูกกฎหมาย และไม่จำหหน่ายให้กับเยาว์ชน

หลังจากปลดล็อกกัญชาแล้วในอนาคตจำเป็นต้องมีกฎหมายตัวลูกเพื่อรองรับการทำสิ่งต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น แต่ในตอนนี้ยังไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมเข้ามามากนัก เดียวเรามาอัพเดทกันคร่าว ๆ ก่อนดีกว่าว่าอะไรจะทำได้บ้าง และอะไรไม่สามารถทำได้

สำหรับคนที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องของกัญชาและอยากรู้ว่าอะไรที่เราสามารถทำได้และอะไรที่ไม่สามารถทำได้ ลองอ่านจากบทความนี้ดูก่อน เพื่อเป็นการป้องกันและรู้ว่ากฎหมายนั้นครอบคลุมถึงไหน จะได้ไม่มีปัญหาตามหลังมาด้วย แม้แต่คนทั่วไปก็ควรจะทราบไว้ก็ดีเหมือนกัน

สิ่งที่ทำได้เกี่ยวกับกัญชา

การสูบกัญชา

การสูบกัญชาหลังจากการปลดล็อกกฎหมายสามารถทำได้เหมือนปกติทั่วไป ไม่ได้มีการผิดกฎหมายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามมันก็มีกฎหมายอีกตัวก็คือ “กฎหมายสาธารณสุข” โดยกฎหมายดังกล่าวจะเป็นการห้ามสูบในที่สาธารณะ หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท แต่คุณสามารถสูบภายในบริเวณหรือในบ้านของคุณได้ และจะต้องไม่เป็นการรบกวนบุคคลอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากการสูบกัญชา หากกลิ่นควันไปรบกวนผู้อื่นคุณอาจจะถูกแจ้งเหตุรำคาญและถ้าไม่ปรับปรุงแก้ไขก็จะมีความผิดตามกฎหมายอีกด้วย

ขายส่วนต่าง ๆ ของพืชกัญชาได้

ลำต้นกัญชา

ส่วนต่าง ๆ ของพืชอย่างกัญชาเราสามารถจำหน่ายได้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตและไม่ผิดกฎหมายใด ๆ จากกฎหมายว่าด้วยสารเสพติด แต่ในส่วนของเมล็ดพันธุ์และกิ่งที่ต้องการจัดจำหน่ายยังต้องขออนุญาตตามพระราบบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 อยู่ หลังจากขออนุญาตแล้วคุณก็สามารถขายได้อย่างไม่มีปัญหาใด ๆ และจำเป็นจะต้องแสดงใบอนุญาตอย่างเปิดเผยด้วย

ปลูกกัญชาที่บ้านและทำเชิงพาณิชย์ได้

ในข้อนี้ประชาชนทั่วไปสามารถเพาะปลูกหรือครอบครองกัญชาได้อย่างไม่ต้องกังวล แต่จำเป็นจะต้องมีการขึ้นทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น “ปลูกกัญ” หรือเว็บไซต์ของ อย. หรือติดต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจังหวัดได้เลย นอกจากนี้ยังมีโครงการสนับสนุนจากภาครัฐอย่าง “กัญชา 1 ล้านต้น” ที่จะทยอยแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไป โดยลงทะเบียนรับได้จากเว็บของ “กรมวิชาการเกษตร” ได้เลย

ส่วนสายพันธุ์กัญชาที่แจกในโครงการนั้น จะเป็นกัญชา “พันธุ์อิสระ 01” ถูกพัฒนาโดยกรมการแพทย์และกรมวิชาการเกษตรรวมถึงมูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์

ใช้เป็นส่วนผสมสำหรับใส่ในอาหารได้

อาหารผสมกัญชา

ในการใส่กัญชาลงในอาหารเราสามารถทำได้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ว่าต้องใช้เฉพาะส่วน “ใบ” เท่านั้น เนื่องจากว่าในใบกัญชาสดจะมีสาร CBD และ THC อยู่ในนั้น หากเทียบกับส่วนอื่น ๆ แล้วใบจะมีสาร THC น้อยกว่าจึงสามารถนำมาประกอบอาหารได้แบบถูกกฎหมาย

เราอยากให้คุณลองอ่านเรื่อง สาร THC และ CBD แตกต่างกันอย่างไร เพราะเพื่อน ๆ บางคนอาจจะไม่รู้ว่าสารตัวไหนส่งผลให้เกิดอาหารมึนเมา ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท หรือส่วนไหนเหมาะกับการรักษาและการบริโภคทั่วไปสำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้งานกัญชา เพื่อที่จะได้มีความเข้าใจและสามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสม

หากคุณเป็นร้านอาหารที่เข้ามาอ่านบทความของเรา เราอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ติดป้ายบอกลูกค้าหากอาหารของคุณมีการผสมกัญชาลงไป เพราะบางคนมีอาการแพ้กัญชาเพื่อที่คุณจะได้ไม่ถูกฟ้องร้อง และลูกค้าก็เกิดความเชื่อมั่นกับร้านของคุณด้วย

สิ่งที่ทำไม่ได้เกี่ยวกับกัญชา

ห้ามใช้สาร THC เกิน 0.2% หรือสกัดออกมาแล้วมีค่า THC สูงกว่าที่กำหนด

สาร THC เป็นสารที่ทำให้เกิดอาการมึนเมา ออกฤทธิ์โดยตรงต่อระบบประสาท โดยส่วนมากแล้วมักจะใช้ในเชิงสันทนาการกันเป็นส่วนใหญ่ ในปัจจุบันกฎหมายของบ้านเราได้มีการกำหนดแล้วว่าหากคุณมีสาร THC เกิน 0.2% ในร่างกายหรือในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะมีความผิดตามกฎหมายทันที ข้อนี้ต้องระวังกันให้ดี

ในส่วนของการผลิตเพื่อใช้จัดจำหน่ายหรือใช้ในโอกาสต่าง ๆ หากผลิตภัณฑ์นั้นมีค่า THC สูงกว่า 0.2% คุณจำเป็นจะต้องมีการขออนุญาตจากทาง อ.ย. ก่อน รวมถึงผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีค่า THC สูงกว่า 0.2% ก็ต้องมีใบอนุญาตในการซื้อด้วยเช่นกัน

ห้ามนำเข้าพืชกัญชาลักษณะเป็นต้น ยกเว้นเมล็ดพันธุ์

ต้นกัญชา

ในการนำเข้ากัญชาคุณไม่สามารถนำต้นกัญชาเข้ามาได้ แต่สามารถนำเมล็ดพันธุ์เข้ามาในประเทศไทยได้ แต่ทั้งนี้หากคุณต้องการเอาต้นเข้ามาคุณจำเป็นจะต้องขออนุญาตเสียก่อน เพราะหากไม่มีการขออนุญาตก็จะมีความผิดตามกฎหมายได้

ห้ามจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี

ในการจัดจำหน่ายนั้นปกติเราสามารถซื้อ ขาย ได้ตามปกติกับบุคคลทั่วไป แต่สำหรับบุคคลที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปี เราไม่สามารถจัดจำหน่ายให้ได้ เนื่องจากว่าสารในกัญชาจะส่งผลกับเด็กหรือผู้ที่อยู่ในวัยเจริญเติบโตได้ค่อนข้างมากและทำให้เกิดอันตรายได้ แต่สำหรับกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไปจะมีการเจริญเติบโตสมบูรณ์แล้ว การส่งผลกระทบจะน้อยกว่ากลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีมากเลยทีเดียว

สรุป

จริง ๆ ในอนาคตคาดว่าน่าจะมีการอัพเดทตัวกฎหมายเพิ่มเติม เพราะจากเดิมกฎหมายดังกล่าวที่เป็นการปลดล็อกกัญชานั้นยังเป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น ยังต้องมีการควบคุมในส่วนอื่น ๆ ด้วย ในการปลดล็อกครั้งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญให้กับคนที่ต้องใช้กัญชาในการรักษาหรือเพื่อใช้ในด้านอื่น ๆ หากมีกฎหมายใหม่ ๆ มาทางเราจะมาอัพเดทให้กับเพื่อน ๆ ทราบกันอีกครั้ง

อาการแพ้กัญชามีอะไรบ้าง ? วิธีแก้ไขอาการแพ้กัญชาเบื้องต้น

อาการแพ้กัญชามีอะไรบ้าง ? วิธีแก้ไขอาการแพ้กัญชาเบื้องต้น

กัญชาถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์มากมายหลายอย่าง และในอนาคตคาดว่าจะช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ได้มากมาย แต่มันก็ต้องผ่านการสกัดหรือผลิตด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ เพื่อให้ได้เป็นยารักษาโรคออกมา แต่ด้วยคุณสมบัติของมันก็สามารถใช้ได้ปกติแบบไม่ต้องสกัดก็ได้ เช่น ในการใส่ลงอาหาร ใช้สำหรับการสันทนาการ เป็นต้น ซึ่งส่วนมากแล้วคนที่แพ้กัญชามักจะเกิดขึ้นจากการรับประทานมากกว่า หากไม่รู้ว่าตัวเองแพ้หรือไม่รู้ว่าร้านที่เราไปทานมีส่วนผสมของกัญชารึเปล่าก็ถือว่าอันตรายอย่างมาก แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าอาการแพ้แบบผิดปกติเป็นอย่างไร และวิธีป้องรักษาอาการเบื้องต้น

อาการแพ้กัญชามีอะไรบ้าง ? วิธีแก้ไขอาการแพ้กัญชาเบื้องต้น (เลือกอ่านได้)

อาการแพ้กัญชาเบื้องต้น

อาการแพ้กัญชา เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเคยบริโภคหรือไม่ก็ตาม ปัจจุบันคนที่จะรู้ว่าแพ้กัญชาหรือไม่ก็เกิดจากการที่บังเอิญได้ไปบริโภคอาหารที่มีการผสมกัญชาลงไป ทำให้เกิดอาการแพ้ตามมา โดยอาการแพ้กัญชาเบื้องต้นจะมีอาการดังนี้

หัวใจเต้นเร็วและรัวผิดจังหวะ

แพ้กัญชาแน่นหน้าอก

ด้วยกัญชาหากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่สำหรับคนที่แพ้กัญชาแล้วแม้จะมีการบริโภคเพียงนิดเดียวก็ส่งผลที่รุนแรงได้เหมือนกัน โดยจะเกิดอาการหัวใจเต้นเร็วมากและเต้นผิดจังหวะแบบเห็นได้ชัด และเสี่ยงอย่างมากที่จะเกิดอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน หากใครที่แพ้กัญชาควรเลี่ยงการบริโภคและการใช้งานเลย เพราะส่งผลร้ายแรงอย่างมาก

เป็นลมหมดสติ

ใช้กัญชาแล้วเวียนหัว

ส่วนมากแล้วที่เราจะพบเห็นแล้วเป็นลมหมดสติมักจะเกิดในกลุ่มของนักสูบมากกว่า เพราะด้วยการสูบจะทำให้ได้รับสาร THC ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทโดยตรง ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ได้ หากเป็นลมถึงขั้นหมดสติแนะนำว่าให้คนใกล้ชิดพาไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจเกิดอันตรายได้

เจ็บหน้าอก ร้าวไปถึงแขน

หากคนที่แพ้กัญชาอาจจะเกิดอาการแน่นหน้าอก หรือเจ็บหน้าอกแบบร้าว ๆ แม้จะอาการช่วงนั้นยังไม่รุนแรงมากเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นก็ไปพบแพทย์ได้เลย เพราะเราไม่รู้ว่าอาการจะรุนแรงขึ้นมาเมื่อไหร่ ทางที่ดีเมื่อเริ่มมีอาการให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน

เหงื่อแตก ตัวสั่น

หลังจากการบริโภคกัญชาเข้าไปแล้ว หากมีอาการตัวสั่นหรือเหงื่ออกเยอะมากกว่าปกติ เบื้องต้นให้บริโภคน้ำตามเป็นปริมาณมากก่อนเพื่อเป็นการขับสารพิษออกจากร่างกายให้ได้ไวและมากที่สุด หากรู้สึกว่าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะการที่เหงื่อออกจะทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกิดอาการช็อกได้

อึดอัดหายใจไม่สะดวก

กัญชาต่อระบบหายใจ

คนที่มีอาการแพ้กัญชาบางครั้งเมื่อบริโภคไปสักพักแล้วอาจจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยเช่น หัวใจเต้นเร็ว มีเหงื่อออก ไปจนถึงขั้นรู้สึกว่าหายใจไม่ค่อยสะดวก เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาก็ได้มีข่าวพริตตี้ท่านหนึ่งได้บริโภคขนมที่มีการใส่กัญชาลงไป โดยที่ไม่ได้มีฉลากระบุว่ามีส่วนผสมของกัญชา และเมื่อเค้าได้บริโภคเข้าไปก็ทำให้เกิดอาการแพ้ โชคดีที่ได้ไปพบแพทย์ทันเวลา ดังนั้นหากคุณเกิดอาการดังกล่าวอย่ารอช้าที่จะไปพบแพทย์

เดินเซ พูดไม่ชัด

อาการเดินเซหรือพูดไม่ชัดส่วนมากมักจะเป็นอาการหลังจากการสูบมากกว่า โดยปกติทั่วไปแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของเหล่านักสูบหากสูบเป็นปริมาณมาก ๆ หรือที่เรียกว่า “Overdose” อาจจะเกิดอาการดดังกล่าวหรือถึงขั้นสลบได้ แต่หากเปลี่ยนเป็นการบริโภคแล้วมีการผสมกัญชาในปริมาณที่น้อย แต่เกิดอาการดังกล่าวก็อาจจะถูกจัดว่าแพ้กัญชาได้เช่นกัน ดังนั้นต้องลองสังเกตอาการดู

เกร็ดความรู้เล็กน้อย อาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้จากการที่เรารับสาร THC เข้าไปในร่างกายมากเกินไป หากรับแต่เพียงพอดีก็จะทำให้เรารู้สึกเคลิบเคลิ้ม รู้สึกผ่อนคลาย แต่หากรับมากเกินไปก็จะทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมาได้ รวมถึงอาการอาเจียนก็อาจจะเกิดขึ้นด้วย

หูแว่ว เห็นภาพหลอน พูดคนเดียว

เสพกัญชาผลข้างเคียง

อาการดังกล่าวสามารถพบได้จากผู้ที่มีการใช้กัญชาเป็นปริมาณมากและใช้มาเป็นระยะเวลานาน ด้วยสารต่าง ๆ ที่อยู่ในกัญชาล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อระบบประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาร THC หากใช้ปริมาณมากและนานก็ยิ่งส่งผลต่อระบบประสาท ดังนั้นหากไม่จำเป็นก็ไม่แนะนำให้มีการใช้งานหรือบริโภคเกินกำลังตัวเองและติดต่อกันนานเกินไป แต่ถ้าเกิดใช้เพื่อสันทนาการเป็นครั้งคราวก็ไม่มีปัญหาใด ๆ

วิธีการรักษาเมื่อเกิดอาการแพ้เบื้องต้น

หากมีการบริโภคกัญชาและสงสัยว่ามีอาการแพ้ ให้เรารีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ในระหว่างนี้เองเราสามารถบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นด้วยจากการรักษาด้วยวิธีต่อไปนี้ (คำแนะนำจากกระทรวงสาธารณะสุข)

ปากแห้ง คอแห้ง ให้รีบดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ

หากคุณบริโภคกัญชาเข้าไปแล้วหากมีอาการดังกล่าว หรือมีอาการคอแห้ง ปากแห้ง ให้รีบดื่มน้ำเปล่าเป็นปริมาณมาก ๆ เพื่อให้ร่างกายของเราขับสารพิษของกัญชาออกทางปัสสาวะ

เกิดอาการเมากัญชา

หากคุณเกิดอาการเมากัญชาให้บีบมะนาวครึ่งลูกและผสมเกลือลงปลายช้อน หรือไม่ก็เคี้ยวพริกไทย เพื่อช่วยลดอาการเมาได้

วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน

หากมีอาการดังกล่าวให้ดื่มชาชงขิง หรือน้ำขิง เพื่อช่วยลดอาการที่เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้หากมีความรุนแรงมาก ๆ คุณก็จะต้องเดินทางไปพบแพทย์ให้ไวที่สุด

*** กัญชาส่วนมากจะออกฤทธิ์ภายใน 2 – 3 นาทีและออกฤทธิ์ได้นานสุดถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยุ่กับปริมาณการใช้งาน ***

สรุป

กัญชาแม้หลายคนจะมองว่ามันให้โทษแต่ถ้าเกิดใช้มันให้ถูกทางมันก็ให้ประโยชน์กับเราได้อย่างหลากหลาย และต่อยอดได้อีกหลายอย่าง แต่ทั้งนี้ในบ้านเรายังไม่ได้มีกฎหมายในการบังคับใส่ในอาการที่ชัดเจน ทำให้ร้านค้าทั่ว ๆ ไปใส่กัญชาลงในอาหารและไม่ได้มีการระบุก็อาจจะทำให้ผู้ซื้อไม่รู้ และเมื่อรับประทานเข้าไปก็เสี่ยงต่อการแพ้ได้ ดังนั้นแล้วหากมีกฎหมายมารองรับเพิ่มเติมในอนาคต คิดว่ากัญชาคงได้ประยุกต์ใช้กับสิ่งดี ๆ อีกมากมายแน่นอน

ใช้น้ำมัน CBD มีผลกระทบระยะยาวหรือไม่ ? อยู่ได้นานแค่ไหน

ใช้น้ำมัน CBD มีผลกระทบระยะยาวหรือไม่ ? อยู่ได้นานแค่ไหน

ด้วยสารสกัดจากกัญชาที่ออกมาเป็นน้ำมันกัญชาอย่าง CBD Oil ส่วนมากแล้วเจ้าสารตัวนี้มักใช้ในทางการแพทย์เสียมากกว่า หากใช้สำหรับเพื่อความบันเทิงจะนิยมใช้สาร THC เป็นหลัก เพราะมีคุณสมบัติช่วยในเรื่องของการผ่อนคลายระดับหนึ่ง รวมถึงการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทโดยตรง ทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม แต่ถ้าคุณมองหากัญชาสำหรับการรักษา การใช้สารสกัดที่มาจาก THC อย่างเดียวอาจจะไม่ตอบโจทย์นัก แต่ถ้าเป็นพวกน้ำมันหรือตัวยาที่สกัดมาจาก CBD เป็นหลักและมีส่วนผสมของ THC ด้วยจะดูเหมาะสมกับในเชิงการรักษามากกว่า

บางคนอาจจะกังวลว่ามันจะมีผลกระทบหรือไม่หากใช้น้ำมันที่สกัดมาจากสาร CBD เพราะในบ้านเราเองด้วยการใช้กัญชาในการรักษายังไม่ได้แพร่หลายมากนัก ยังเป็นเพียงเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ส่วนเรื่องผลกระทบระยะยาวจะเป็นอย่างไร เดียวลองอ่านบทความข้างล่างดูก่อนเลย

น้ำมัน CBD คืออะไร

น้ำมัน CBD เป็นตัวสารที่สกัดได้จากทั้งกัญชงและกัญชา โดยภายในกัญชาเองก็มีสารต่าง ๆ ที่สำคัญมากมายกว่า 400 ชนิด แต่ที่หลัก ๆ จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดที่นำมาใช้งานกันเป็นประจำ โดยเฉพาะในด้านของสาร CBD ที่มีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมทางการแพทย์เป็นหลัก สามารถนำมาสกัดเป็นตัวยาได้หลากหลายทั้งแบบแคปซูล ยาเม็ด ยาน้ำ รวมถึงสกัดเป็น “น้ำมันกัญชา” ได้ด้วยเช่นกัน

โดยส่วนมากแล้วในกลุ่มของน้ำมันมักจะใช้สาร CBD เป็นตัวหลักในการผลิต และได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับวงการแพทย์ เพราะอย่างในสหรัฐเองผู้ป่วยก็สามารถหาซื้อน้ำมันกัญชาจากช่องทางออนไลน์ได้ แต่ทั้งนี้พวกเขาก็ยังต้องปฏิบัติและได้รับความดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิดด้วย

ทำไมต้องใช้น้ำมัน CBD ?

น้ำมัน CBD ที่ทำจากกัญชา

ร่างการของคนเรามีระบบหนึ่งที่จำเป็นและสำคัญต่อร่างกายมากก็คือ เอ็นโดแคนาบินอยด์ (Endocannabinoid System-ECS) ที่ใช้ผลิตสาระสำคัญเพื่อนำไปหล่อเลี้ยงบำรุงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่เมื่อเราอายุเยอะขึ้นส่วนต่าง ๆ เราก็จะทำงานได้น้อยลง รวมถึงเจ้าระบบเอ็นโดแคนาบินอยด์เองก็ไม่สามารถผลิตได้อย่างเต็มที่เหมือนกับช่วงวัยรุ่นหรือวัยกลางคน แต่ใช่ว่าพออายุเยอะแล้วความต้องการสารดังกล่าวในร่างกายของเราจะมีความต้องการน้อยลง

กลับกันมันมีความต้องการเท่าเดิม เพียงแต่ร่างกายของเราผลิตได้น้อยดังนั้นเราจึงต้องหาจากปัจจัยภายนอกคอยเติมเต็มให้เราได้รับสารนี้ไปหล่อเลี้ยงร่างกายของเรา โดยอาจจะใช้วิธีรับประทานเป็นอาหารเสริม ทานอาหาร หรือแม้กระทั่งใช้ “น้ำมันกัญชาแบบ CBD” โดยตรงก็ทำได้เช่นกัน เพื่อให้มันเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเรา

ผลที่จะได้รับจากสาร CBD

ผลวิจัยกัญชา

ปัจจุบันสาร CBD ในการวิจัยยังไม่พบข้อบกพร่องจากการใช้งานเป็นระยะเวลานาน ไม่ทำให้เกิดอาการเสพติด หรือเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงใด ๆ  และทางการแพทย์เองก็ได้มีการสนับสนุนในการวิจัยเพิ่มเติมคุณประโยชน์ของสาร CBD อีกด้วย

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขเองก็ยังได้มีการพูดถึงในแง่ดีของสาร CBD ด้วยเช่นกัน โดยประโยชน์ของมันสามารถรักษาได้หลากหลายโรคเลย หากคุณอยากรู้ว่าสาร CBD สามารถรักษาอะไรได้บ้างเบื้องต้นลองอ่านบทความเกี่ยวกับ “ประโยชน์ของสาร CBD” ได้เลย

ผลกระทบของน้ำมัน CBD

ไม่ว่าอะไรล้วนแล้วแต่ก็มีผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น แม้กระทั่งน้ำมันกัญชาที่สกัดจากสาร CBD เองก็มีผลกระทบด้วยเช่นกัน แต่เป็นเพียงแค่ผลกระทบเล็กน้อยเท่านั้นไม่ได้รรุนแรงอะไรมากมาย แต่ผู้ใช้งานเองก็ควรรู้ด้วยเช่นกัน เพราะบางจังหวะอาจจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตได้ โดยผลกระทบหลังจากใช้น้ำมัน CBD อาจจะมีดังนี้

  • เกิดอาการง่วงซึม เพราะด้วยสาร CBD ก็มีฤทธิ์ช่วยในการผ่อนคลาย ดังนั้นไม่ควรที่จะขับยานพาหนะหลังจากใช้น้ำมัน CBD
  • อาการป่วยเฉพาะบุคคล ซึ่งบางโรคเองก็อาจจะมีผลกระทบที่รุนแรงได้หากใช้สาร CBD ดังนั้นอาจจะต้องมีการสอบถามแพทย์ที่รักษาก่อนว่าใช้ได้หรือไม่
  • ส่วนประกอบอื่น ๆ ของผลิตภัณฑ์ สำหรับบางส่วนประกอบอาจจะส่งผลต่อการแพ้ได้ ยกเว้นแต่ว่าผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เต็มไปด้วยสาร CBD ประมาณ 99% หรือแบบ Full Spectrum คุณต้องเช็คทุกครั้งว่ามีส่วนประกอบที่แพ้อยู่ด้วยหรือไม่

โดยส่วนมากแล้วผลิตภัณฑ์อย่างน้ำมัน CBD แทบจะไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย แต่ที่อันตรายจริง ๆ คือเรื่องของการง่วงนอนหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมัน CBD เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้หากใช้แล้วไปขับขี่ยานพาหนะ

ส่วนในเรื่องของการใช้อย่างต่อเนื่องในระยะเวลาที่ยาวนานพบว่ายังไม่เกิดผลกระทบใด ๆ และไม่ส่งผลต่อเรื่องของการเสพติดด้วยเช่นกัน ทำให้หมดความกังวลในเรื่องของความอันตรายจากสาร CBD ได้เลย ในด้านของผลลัพธ์ที่จะอยู่กับร่างกายได้นานมากน้อยเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับมวลของร่างกาย น้ำหนัก ที่เป็นปัจจัยต่อการใช้น้ำมัน CBD เริ่มต้นต้องค่อย ๆ ใช้เป็นปริมาณน้อยก่อน และเมื่อใช้จนได้ผลลัพธ์แล้วก็ใช้ตามปริมาณที่เห็นผลลัพธ์ได้เลย

ข้อควรระวังในการใช้น้ำมัน CBD

ในการใช้น้ำมัน CBD แทบจะไม่ต้องมีความกังวลใด ๆ เลย เพราะด้วยงานวิจัยจากหลายที่ได้มีการวิจัยถึงผลกระทบแล้วว่ายังไม่มีความรุนแรงใด ๆ จากการใช้ แม้จะใช้มาเป็นระยะเวลานานก็ตาม แต่ทั้งนี้ข้อควรระวังในการใช้งานหลัก ๆ ก็จะมีดังนี้

  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ไม่เก็บรักษาให้ดี หรือบรรจุภัณฑ์มีความเสียหาย เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพรวมถึงผลลัพธ์ที่จะได้เปลี่ยนแปลงไป
  • หาซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ผลิตอย่างถูกต้องและเป็นไปตามมาตรฐาน อย่างของ Carenabiz เองก็ได้ดำเนินการภายใต้การควบคุมที่เข้มงวด และถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน รวมถึงปฎิบัติตามใบอนุญาตด้วย

สรุป

ตัวน้ำมัน CBD เองเป็นสารสกัดที่ได้จากการนำกัญชงหรือกัญชามาสกัดเอาสาระสำคัญและแปรรูปให้อยู่ในรูปของน้ำมัน โดยสามารถใช้ได้หลากหลายและมีประโยชน์มากมายหลายด้าน รวมถึงใช้งานง่ายมีความปลอดภัยสูง แต่คุณต้องระวังการซื้อจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือด้วยนะ ทางเราขอแนะนำหากคุณสนใจเกี่ยวกับน้ำมันกัญชา CBD ลองดูของ Carenabiz ได้เลย

CBD มีค่ามากแค่ไหน ? สิ่งดี ๆ ที่หาได้จากกัญชา

CBD มีค่ามากแค่ไหน ? สิ่งดี ๆ ที่หาได้จากกัญชา

กัญชาในมุมที่หลายคนเข้าใจจะมองว่าเป็นสารเสพติดเพียงเท่านั้น แต่ในมุมของแพทย์ที่ทำการวิจัยและต้องการคิดค้นยารักษาชนิดใหม่ขึ้นมาพวกเขามองว่าในกัญชามันมีตัวยาสำคัญที่จะช่วยให้รักษาอาการของผู้ป่วยบางชนิดได้ รวมถึงโรคมะเร็งเองที่ปัจจุบันยังไม่มีวิธีในการรักษา มีเพียงแค่การฉายแสงและทำคีโม แต่ก็ทำได้เพียงแค่ยืดระยะเวลาไปก็เท่านั้น ซึ่งจากการใช้กัญชาเบื้องต้นพบว่ามีการต่อต้านเซลล์มะเร็งได้ แต่ทั้งนี้ยังต้องรอผลวิจัยที่แน่ชัดอีกที

ในกัญชาเองมีสารมากมายกว่า 400 ชนิด และที่สำคัญที่สุดสำหรับใช้ทางการแพทย์คือ THC และ CBD โดยเฉพาะสาร CBD ที่จะนำมาต่อยอดผลิตยาได้อีกหลากหลายสรรพคุณ เดียวเรามาดูกันว่า CBD มีดีอย่างไร และประโยชน์ของมันจัดได้ว่าสุดยอดเลย

รู้จักกับสาร CBD กันสักนิดว่าคืออะไร

สาร CBD เป็นสารชนิดหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มของ Cannabinoid ที่สกัดได้จากทั้งกัญชงและกัญชา จริง ๆ มันจะมีสารอยู่สองตัวที่สำคัญคือ THC และ CBD แต่สำหรับใช้ในเชิงการแพทย์มากที่สุดจะเป็นสาร CBD โดยสาร CBD จะใช้สำหรับรักษาพวกอาการชักเกร็ง อาการปวด ต่อต้านอาการทางจิตและอาการเมาเคลิ้ม จากการวิจัยและการทดลองพบว่าหากใช้สาร CBD เป็นระยะเวลานานและเพิ่มปริมาณโดสมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไม่ทำให้เกิดอาการติดแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าสาร CBD จะมีความสำคัญอย่างมาก แต่บางครั้งก็ต้องมีการผสมระหว่าง THC และ CBD เข้าด้วยกันเพื่อรักษาโรคบางอย่าง

ภาพรวมของตลาด CBD ทั่วทั้งโลก

ในปี 2564 ที่ผ่านมาก่อนกัญชาในบ้านเราจะปลดล็อกได้มีการซื้อขายสาร CBD รวมกันประมาณ 5.18 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ และคาดว่าจะมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะสามารถนำสาร CBD ไปใช้งานได้หลากหลายอุตสาหกรรม แม้กระทั่งในกลุ่มของพวกเครื่องสำอางก็ได้นำสารสกัดจาก CBD ไปใช้ในเครื่องสำอางด้วยเช่นกัน

ในภาพรวมที่สามารถทำให้ตลาดของกัญชาเติบโตได้ก็มาจากสาร CBD ที่สกัดออกมาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ ทำให้มีความต้องการสูงทั่วโลก และจากนโยบายของหลายประเทศที่ยังไม่ได้มีการอนุมัติให้กัญชาถูกกฎหมาย จึงทำให้ตลาดเติบโตได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร แต่ถ้าหากว่าเปิดเสรีให้กับกลุ่มของทางการแพทย์ก็จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อตลาดทันที แม้กระทั่งในบ้านเราที่เพิ่งปลดล็อกไปได้ไม่นานก็พบว่าสำหรับทางการแพทย์นั้นคาดว่ามูลค่าของตลาดอยู่ที่ราว ๆ 3,600 ล้านบาท ส่วนที่ใช้สำหรับความเพลิดเพลินอยู่ที่ราว ๆ 600 ล้านบาท

ปัจจุบันตลาดใหญ่ของสาร CBD ที่ถูกซื้อขายมักจะเป็นในรูปแบบ B2B ธุรกิจกับธุรกิจมากกว่า และส่วนมากจะเป็นในกลุ่มของโรงพยาบาลเป็นหลัก เพื่อนำไปต่อยอดในการสร้างสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่สกัดมาจากกัญชาโดยชูเรื่องของสาร CBD เป็นหลัก และในอนาคตกัญชาก็จะมีการขยายต่อยอดไปยังกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน

แต่ในกลุ่มสินค้าสกัดจากกัญชาที่มีทั้งสาร THC และ CBD ก็ยังจำเป็นต้องผ่านการรับรองและการตรวจที่เข้มงวด เนื่องจากว่ากฎหมายในบ้านเราไม่อนุญาตให้มีสาร THC เกิน 0.2% จึงไม่สามารถผลิตสินค้าที่มีสาร THC เกินกว่ากฎหมายกำหนดได้

การนำสาร CBD ไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

อย่างที่เรารู้กันว่าสาร CBD จะถูกนำไปต่อยอดในทางการแพทย์เป็นหลัก และอุตสาหกรรมใหญ่ของโลกรวมถึงตัวมูลค่าตลาดก็มาจากการซื้อขายเพื่อการแพทย์ทั้งสิ้น โดยสาร CBD สามารถนำไปสกัดทำผลิตภัณฑ์ได้ทั้ง น้ำมัน CBD, ยาชนิดแคปซูล, ยาทาภายนอก, โลชั่น

นอกจากนี้ในกลุ่มของแบรนด์เครื่องสำอางอย่าง Sephora เองก็ได้นำสาร CBD ไปใช้ทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวด้วยเช่นกัน และคาดว่าในอนาคตแบรนด์อื่น ๆ ก็จะมีการเปิดตัวพวกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่สกัดมาจาก CBD อีกด้วย

ที่มองข้ามไม่ได้เลยคือการใช้กัญชาเพื่อความผ่อนคลาย ในอนาคตถ้ามีกฎหมายรองรับก็คงเพิ่มมูลค่าให้กับตลาดกลุ่มนี้ได้ด้วยเช่นกัน

ประโยชน์ของสาร CBD มีอะไรบ้าง ?

ประโยชน์หลัก ๆ ของสาร CBD ก็มีหลากหลายอย่างมาก สามารถประยุกต์ใช้ได้กับหลากหลายอุตสาหกรรมของธุรกิจ โดยหลัก ๆ แล้วประโยชน์ของมันจะมีดังนี้

1. ใช้สำหรับผลิตยารักษาโรค

ในสาร CBD มีคุณประโยชน์อย่างมากมายและเป็นกุญแจะสำคัญให้กับวงการการแพทย์เลยทีเดียว เพราะเจ้าสารตัวนี้สกัดยารักษาได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นยารักษาพวกโรคลมชัก รักษาคนที่ได้รับเคมีบำบัดจากการรักษามะเร็ง การใช้ระงับอาการปวดต่าง ๆ ที่ไม่สามารถหายได้ด้วยวิธีปกติ รวมถึงในอนาคตน่าจะต่อยอดเกี่ยวกับโรคพวกดวงตาหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้อีกด้วย

2. ใช้เพื่อการผ่อนคลาย

บางคนอาจจะมีอาการเครียดจากเรื่องต่าง ๆ เมื่อสะสมนานวันเข้าทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ซึ่งเจ้าสาร CBD นี้เองมีประโยชน์ในการช่วยผ่อนคลายจากเรื่องราวต่าง ๆ ระงับอาการวิตกกังวลได้ แต่ทั้งนี้จะเป็นเฉพาะพวกสารสกัด CBD เท่านั้น และก่อนใช้ควรปรึกษากับแพทย์เสียก่อน

3. ใช้ผลิตยาทาภายนอก

สำหรับอาการปวดบางประเภทอาจจะไม่สามารถหายได้หรือใช้ยาทั่วไปในการรักษาได้ ในสาร CBD มีตัวช่วยระงับอาการเจ็บปวดได้เป็นอย่างดี ทำให้มันสามารถนำไปผลิตสำหรับยาทาภายนอกได้เช่น ทาขา ทาตัว หรือทาบริเวณจุดต่าง ๆ ของร่างกาย

4. ใช้ทำเครื่องสำอาง

ในสาร CBD จะมีคุณสมบัติในการต่อต้านพวกอนุมูลอิสระ (พวกสิวต่าง ๆ ) ต้านอาการอักเสบ ฟื้นฟูผิว ปกป้องผิวจากแสงแดด เพิ่มคอลลาเจน กระตุ้นการผลัดเซลล์ และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่จำเป็นจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ปัจจุบันในกลุ่มพวกเครื่องสำอางยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ใช้สาร CBD ที่หลากหลายนัก เนื่องจากว่ามีกระบวนตรวจสอบที่เข้มงวด รวมถึงยังมีราคาสูงอยู่ ทำให้มันยังไม่สามารถผลิตได้อย่างแพร่หลายมากนัก

สรุป

จริง ๆ ตัวสาร CBD ยังสามารถทำประโยชน์ได้อย่างหลากหลายมากกว่าที่เราได้นำเสนอไป เพียงแต่ว่าอาจจะต้องใช้เวลาในการวิจัยและการทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และถือได้ว่าการปลดล็อกครั้งนี้ได้ประโยชน์อย่างมากในเชิงการแพทย์ เพราะจะช่วยให้เรารักษาโรครวมถึงมียาใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้อีกมากมายเลย

7 สุดยอดสรรพคุณจากกัญชา มีดีกว่าที่หลายคนคิด

7 สุดยอดสรรพคุณจากกัญชา มีดีกว่าที่หลายคนคิด

กัญชาในความคิดของหลายคนก็จะมองว่ามันเป็นสิ่งเสพติด และไม่น่าจะทำประโยชน์อะไรได้ ถึงแม้จะมีข่าวเกี่ยวกับการวิจัยว่าสามารถรักษาโรคได้อย่างหลากหลาย แต่ก็ยังไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้เชื่อถือได้ แต่ปัจจุบันในบ้านเราได้มีการปลดล็อกกฎหมายเกี่ยวกับกัญชาแล้วทำให้ในอนาคตจะมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการวิจัยและเพิ่มความสะดวกให้กับเหล่านักวิจัยเพื่อสำหรับการรักษาโรคต่างๆ โดยข้อดีหลักๆ เท่าที่พิสูจน์ได้จะมีดังนี้

ต้นกำเนิดของกัญชา

ต้นกำเนิดกัญชา

กัญชามีต้นกำเนิดอย่างไม่แน่ชัดว่าต้นกำเนิดมาจากไหน แต่จากการค้นพบของสายพันธุ์กัญชาต่างๆ ก็ได้ค้นพบทั่วโลก แม้กระทั่งในบ้านเราเองก็มีสายพันธุ์ที่โดดเด่นและโด่งดังไปทั่วโลกอย่าง “สายพันธุ์หางกระรอก” ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศที่ปลดล็อกกัญชาเสรี

สมัยก่อนมักจะนำกัญชามาใช้สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอเพื่อถักทอสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เชือก หรืออุปกรณ์อื่นๆ เพราะด้วยเส้นใยของมันที่มีความเหนียว ทนทาน จึงนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย

ประโยชน์และสรรพคุณของกัญชา

ปัจจุบันการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลบางสิ่งบางอย่างมีความสะดวกมากกว่าสมัยก่อน หากเราต้องการหาข้อมูลอะไร เพียงแค่ค้นหาบน Google ก็จะได้คำตอบแทบจะทันที ดังนั้นเรื่องราวการวิจัยรวมถึงประโยชน์สรรพคุณต่างๆ ที่สกัดสาร THC และสาร CBD ได้จากกัญชา เพื่อนำไปต่อยอดในทางการแพทย์และใช้รักษาอาการเจ็บป่วยก็หาอ่านได้ทั่วไปเลย หลายประเทศก็พยายามนำสารสกัดจากกัญชาไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเช่นกัน

สำหรับตัวกัญชาเองตัวมันนำไปสกัดเพื่อผลิตและผสมกับยาที่ใช้ในการรักษาได้อย่างหลากหลาย หากคุณต้องใช้กัญชาก็ต้องรู้จักวิธีใช้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและใช้อย่างเหมาะสมเพื่อรักษาอาการต่างๆ ที่เราต้องการได้ เดียวเรามาดูกันดีกว่าว่าสรรพคุณของกัญชามีอะไรบ้าง

1. บรรเทาอาการเจ็บปวด

กัญชาช่วยแก้ปวด

โดยปกติแล้วอาการเจ็บปวดของมนุษย์สามารถบรรเทาได้เมื่อผ่านไปสักระยะเวลาหนึ่ง แต่บางครั้งอาการปวดที่รุนแรงมากเกินไปก็ไม่สามารถบรรเทาได้ แต่ด้วยสารที่อยู่ในกัญชาที่มีมากกว่า 450 ชนิด และ 2 ชนิดหลักๆ ได้แก่ THC และ CBD แต่สำหรับในกลุ่มที่เจ็บปวดเรื้อรังการใช้สาร THC สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดที่ไม่สามารถทุเลาด้วยตัวเองได้มากกว่า ทำให้กัญชาเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับบรรเทาอาการเจ็บปวด แต่สำหรับโรคมะเร็งยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนมากนัก ต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม

2. รักษาโรคลมชักในเด็ก หรือผู้ที่มีอาการดื้อยาลมชัก

โรคลมชักหากคนที่ไม่มีอาการรุนแรงมากหรือไม่ได้เกิดอาการขึ้นบ่อยครั้งก็อาจจะไม่เป็นอะไร ใช้ชีวิตได้อย่างไม่มีปัญหา แต่สำหรับบางคนแล้วโรคลมชักก็อาจจะเกิดอาการบ่อยครั้งหรือบางคนก็รุนแรงอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันในทางการแพทย์ก็ได้มีการวิจัยนำสารสกัดจากกัญชามาผลิตเป็นยารักษาโรคลมชักโดยเฉพาะ ทำให้ช่วยหยุดอาการชักได้ แต่ทั้งนี้ต้องดูที่สรรพคุณตัวยาด้วย เดียวลองดูคลิปด้านล่างที่น้องมีอาการชัก และคุณพ่อคุณแม่ก็ใช้น้ำมัน CBD ในการบรรเทาอาการชัก แต่ทั้งนี้ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้งานด้วย ไม่สามารถใช้งานมั่วๆ ได้

3. รักษาอาการคลื่นไส้ต่างๆ

โดยส่วนมากแล้วหากใช้กัญชาสำหรับการรักษาอาการคลื่นไส้ มักจะใช้กับกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัดแล้วเกิดผลข้างเคียงเสียมากกว่า ส่วนอาการคลื่นไส้โดยทั่วไปก็ไม่จำเป็นต้องใช้ เพราะถือว่าเป็นกลไกตามธรรมชาติ ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณมีอาการคลื่นไส้ที่รุนแรงกว่าปกติและจำเป็นจะต้องใช้กัญชาในการรักษา

4. เพิ่มความอยากอาหาร

กัญชาช่วยให้เจริญอาหาร

บางครั้งอาการเจ็บป่วยก็ทำให้เราไม่อยากอาหารได้เหมือนกัน และผลกระทบที่จะตามมาคือสุขภาพของเราจะเริ่มแย่อย่างเห็นได้ชัด น้ำหนักลด หรืออาจจะขาดสารอาหารได้หากมีอาการในระยะเวลานานเกินไป โดยเฉพาะเหล่ากลุ่มผู้ป่วยที่ต้องรักษาด้วยเคมีบำบัด ทำให้มีผลข้างเคียงเกี่ยวกับการทานอาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ล้วนเป็นผลกระทบทั้งนั้น แต่ด้วยสารต่างๆ จากกัญชาที่มีสารหลักๆ อย่าง CBD และ THC สามารถนำมาสกัดเพื่อเป็นยาหรือใช้วิธีบริโภคแบบธรรมดาเพื่อเพิ่มความอยากอาหารได้

5. ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับได้

กัญชารักษาโรคนอนไม่หลับ

โรคนอนไม่หลับแม้ว่าจะฟังดูแล้วไม่มีอันตรายใดๆ แต่ผู้ที่ประสบปัญหาดังกล่าวเรียกได้ว่ามีความทรมานอย่างมาก เพราะบางคนแม้ร่างกายเหนื่อยล้าและต้องการพักผ่อนมากเพียงใดแต่ก็ไม่สามารถหลับลงได้ ทำให้ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างมาก สำหรับสารที่จะเอามาใช้ในการรักษาอาการนอนไม่หลับคือ “CBD” จะมีประสิทธิภาพดีกว่าสาร THC ที่ไม่เหมาะสำหรับการรักษาอาการนอนไม่หลับ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จำเป็นจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการใช้เสียก่อน

ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่สกัดมาเพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับก็จะเป็นในกลุ่มของ “น้ำมันกัญชา” นั่นเอง

6. บรรเทาอาการหอบหืด

อาการหอบหืดเป็นอาการที่ค่อนข้างอันตรายอยู่เหมือนกัน ในการประยุกต์ใช้กัญชารักษาหอบหืดนั้นฝั่งต่างประเทศมีมาสักพักแล้ว โดยสรรพคุณของกัญชาจะช่วยเข้าไปขยายหลอดลมและลดการหดตัวของหลอดลม ทำให้ช่วยบรรเทาอาการหอบหืดได้ในระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้วิธีการรักษาก็ค่อนข้างเฉพาะอย่างมาก จำเป็นจะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่สามารถทำเองได้

7. โรคปลอกประสาทอักเสบ

ผู้ที่ป่วยเป็นโรคประสาทอักเสบได้มีผลวิจัยเบื้องต้นพบว่า ผู้ที่ได้รับสารจากกัญชาสามารถช่วยลดอาการปวดเส้นประสาท อาการชักเกร็งของกล้ามเนื้อได้ แต่ทั้งนี้ต้องดูตัวยาด้วยว่าเหมาะสมกกับการรักษาหรือไม่ รวมถึงยังคงต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์และยังต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาผลลัพธ์ที่แน่นอนต่อไป

สรุป

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขยังพบว่ามีอีกหลายโรคที่คาดว่าสารต่างๆ ในกัญชาจะสามารถช่วยต่อยอดในการรักษาได้ ซึ่งการปลดล็อกครั้งนี้ก็เป็นการให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงกัญชาได้ง่ายขึ้น รวมถึงฝั่งของการแพทย์เองก็สามารถทำวิจัยเพื่อหาการรักษา รวมถึงการสกัดตัวยาจากกัญชาเพื่อต่อยอดในอนาคต รวมถึงโรคมะเร็งที่ว่ารักษาไม่ได้เองก็ตามปัจจุบันก็ยังอยู่ในระหว่างการวิจัยเช่นกัน

กัญชามีกี่สายพันธุ์ ? และพันธุ์ของไทยที่ดังไกลระดับโลก

กัญชามีกี่สายพันธุ์ ? และพันธุ์ของไทยที่ดังไกลระดับโลก

สำหรับกัญชาที่เราคุ้นเคยก็มีหลากหลายสายพันธุ์ ถูกจัดเป็นพืชวงศ์ตระกูล “Cannabesaae” และมีอยู่ราวๆ 3 สายพันธุ์ที่สามารถพบได้บ่อยทั้งในไทยและต่างประเทศเอง โดยคุณสมบัติและรูปร่างภายนอกก็แตกต่างกันไป โดยในบ้านเราเองหลังจากที่ปลดล็อกทางภาครัฐก็มีนโยบายแจกจ่ายต้นกัญชา 1 ล้านต้นไว้ให้สำหรับเพาะปลูกไว้ในครัวเรือนกัน เดียวเราจะพาไปทำความรู้จักกับกัญชาแต่ละสายพันธุ์ว่าเป็นอย่างไร และมีความแตกต่างกันยังไงบ้าง

กัญชาแต่ละสายพันธุ์ก็มีความมแตกต่างกันไปทั้งลักษณะทางกายภาพ รวมถึงสารสำคัญที่สามารถสกัดได้จากกัญชาอย่างสาร THC และ CBD  นอกจากนี้จุดประสงค์ในการใช้งานก็มีความแตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน หลักๆ แล้วกัญชาที่นิยมในทั่วโลกจะมีอยู่ด้วยกันราวๆ 3 สายพันธุ์เท่านั้น

กัญชาสายพันธุ์ซาติวา

กัญชาซาติวา

ลักษณะใบของสายพันธุ์กัญชาซาติวา

กัญชาสายพันธุ์ซาติวา (Cannabis Sativa) เป็นสายพันธุ์ที่พบได้มากในบ้านเรา คำว่าซาติวามาจากภาษาละตินที่แปลว่า เพาะปลูก โดยสายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาจากนักพฤษาศาสตร์ชาวสวีเดนที่ชื่อว่า “คาโรรัส ลินเนียส” และได้จัดวงศ์ของกัญชาพันธุ์นี้ไว้ตั้งแต่ปี 1796

แหล่งกำเนิดของมันพบได้ในบริเวณแถบเส้นศูนย์สูตรเช่น เม็กซิโก โคลัมเบีย ทวีปอเมริกา ตอนกลางของทวีปแอฟริกา และแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีบ้านเราด้วย

ลักษณะของสายพันธุ์ซาติวา

ลำต้นหนา มีความสูงประมาณ 6 เมตร ใบยาว มีแฉกอยู่ประมาณ 5 – 9 แฉก สีเขียวอ่อน ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวผลผลิตอยู่ที่ 9 – 16 สัปดาห์ เป็นสายพันธุ์ที่ชื่นชอบแสงแดดและอากาศร้อนมาก และไม่แปลกเลยว่าทำไมสายพันธุ์นึ้ถึงได้รับความนิยมในบ้านเรา เพราะเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับอากาศบ้านเรามาก

ในสายพันธุ์ซาติวาจะมีสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทที่มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ แต่ข้อดีของมันหากใช้ถูกทางคือช่วยเพิ่มความอยากอาหาร ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ด้วย รวมถึงนิยมนำมาผสมกับสาร CBD เพื่อเพิ่มสรรพคุณในการรักษาบางโรคได้อีกด้วย ข้อเสียของสายพันธุ์นี้ที่เห็นได้ชัดเลยคือการปลูก เพราะด้วยมันชื่นชอบอากาศร้อนชื้น ทำให้เกิดเชื้อราได้ง่ายมากและดูแลยากด้วย

กัญชาสายพันธุ์อินดิกา (Cannabis Indica)

สายพันธุ์อินดิกา

ใบของสายพันธุ์กัญชาอินดิกา รูปจาก : Healthcareweekly

สายพันธุ์อินดิกาเป็นสายพันธุ์ที่พบได้มากในแถบประเทศอินเดีย ปากีสถาน โมร็อกโก และผู้ที่ค้นพบสายพันธุ์ดังกล่าวคือ “ฌอง-แบ๊บติสท์ ลามาร์ค” (Jean-Baptiste Lamarck) ทหารนักชีววิทยาชาวฝรั่งเศส และได้ตีพิมพ์ความรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์กัญชานี้ในปี 1785 โดยชื่อนี้ก็มาจากแหล่งกำเนิดที่เค้าค้นพบคือ “ประเทศอินเดีย”

ลักษณะของสายพันธุ์อินดิกา

ลักษณะของต้นจะเป็นแบบพุ่มเตี้ย ความสูงเมื่อโตสุดอยู่ที่ราวๆ 180 เซนติเมตร ใบกว้าง สั้น มีสีเขียวเข้ม กิ่งก้านดกหนา ระยะเวลาการเก็บเกี่ยวอยู่ที่ราวๆ 6 – 8 สัปดาห์ กัญชาพันธุ์นี้ชอบอากาศเย็น สำหรับสายพันธุ์นี้จะมีสาร CBD มากกว่าสาร THC โดยสารตัวนี้จะนิยมใช้ทางการแพทย์ มีสรรพคุณในการลดอาการปวด การผ่อนคลาย ไม่มีอาการมึนเมาและอาการเสพติด และในสาร CBD หากนำมาสกัดในปริมาณที่เหมาะสมยังช่วยลดอาการชักได้ด้วย

กัญชาสายพันธุ์รูเดอราลิส (Cannabis ruderalis)

สายพันธุ์รูเดอลาลิส

ใบของสายพันธุ์กัญชารูเดอราลิส รูปจาก : medicalmarijuanainc

สายพันธุ์รูเดอราลิสมีต้นกำเนิดอยู่ในแถบยุโรปและตะวันออกกลาง ถูกค้นพบโดยนักพฤษาศาสตร์ชาวรัสเซียที่มีนามว่า ดี.อี. จานิสเชสกี้ (D. E. Janischewsky) ค้นพบเมื่อปี 1924 กัญชาสายพันธุ์นี้สามารถปรับตัวกับสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวอยู่ที่ราวๆ 10 สัปดาห์

ลักษณะของสายพันธุ์รูเดอราลิส

ลักษณะต้นของมันเตี้ยสุดหากเปรียบเทียบกับทั้ง 2 สายพันธุ์ก่อนหน้านี้ หากพบตามธรรมชาติจะมีความสูงเฉลี่ยที่ 30 – 80 เซนติเมตรเท่านั้น มีจำนวนกิ่งน้อย ใบกว้างมี 3 แฉก เติบโตได้เร็วมาก สารที่สำคัญในสายพันธุ์รูเดอราลิสจะมีสาร CBD มากกว่า THC และในการนำไปใช้มักจะนำไปผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างอินดิกาและซานติวาเพื่อนำไปผลิตเพื่อใช้ทางการแพทย์มากกว่า

ด้วยปริมาณของสาร THC ที่อยู่ในสายพันธุ์นี้มีน้อยจนเกินไป ทำให้ไม่นิยมนำมาสูบ เพราะมีปริมาณสาร THC น้อยเกินไป จึงทำให้นิยมนำมาสกัดเป็นยารักษาโรคหรือไม่ก็ผสมข้ามสายพันธุ์มากกว่า

สายพันธุ์กัญชาไทย “พันธุ์หางกระรอก”

คุณอาจจะเคยได้ยินว่า “กัญชาไทยดีที่สุดในโลก” มาบ้างจากในกลุ่มของผู้ที่ใช้งานกัญชาจากต่างประเทศ โดยชื่อของสายพันธุ์หางกระรอกชาวต่างชาติจะรู้จักในชื่อของ “Thai Stick” จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ดีที่สุดของโลกเลยทีเดียว โดยในสายพันธุ์หางกระรอกนั้นจะมีความโดดเด่นในเรื่องของสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ในปริมาณสูงมาก ให้ความเคลิบเคลิ้ม ซึ่งสายพันธุ์นี้นิยมอย่างมากในสมัยสงครามเวียดนาม จนทหารสหรัฐที่เข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทยต่างก็ติดใจในสายพันธุ์ดังกล่าว และมีการส่งกลับไปที่สหรัฐด้วย

ลักษณะของสายพันธุ์หางกระรอก

ลักษณะของมันจะเป็นแท่งเรียวยาว เติบโตได้ดีมากกับอากาศของบ้านเรา เป็นสายพันธุ์ที่มีค่า THC สูงใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลายโดยเฉพาะในทางการแพทย์ เรียกได้ว่าเป็นสายพันธุ์ไทยแท้ๆ ที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ โดยบ้านเราเองก็พยายามผลักดันให้นำกลับมาเพาะปลูกอีกครั้งหลังจากที่กัญชาถูกปลดล็อก และถูกปราบปรามไปตั้งแต่สมัยที่ยังผิดกฎหมายอยู่ เรียกได้ว่าเป็นของดีประจำบ้านเราเลย

คุณอาจจะเริ่มมีความสงสัยแล้วว่าระหว่างกัญชงและกัญชามีความแตกต่างกันอย่างไร จริงๆ แล้วแทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย เพราะมันคือพืชตระกูลเดียวกันแต่เหมาะกับการใช้งานแตกต่างกันเท่านั้น หากคุณอยากรู้ว่าต่างยังไงลองกดลิงค์เข้าไปอ่านด้านบนเลย

กัญชาสายพันธุ์ Wild Seed พันธุ์ประกวดจากไทยสู่ระดับโลก

เชื่อได้เลยว่าสายเขียวหลายคนต้องรู้จักกับกัญชาสายพันธุ์ “Wild Seed” อย่างแน่นอน เพราะได้มีนักเพาะกัญชาชื่อดังอย่าง “World Of Seed” นำไปจากเกาะช้างบ้านเราและได้ไปต่อยอดและนำไปประกวดจนได้รับรางวัลกลับมา และได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ของคนที่ใช้กัญชา ชาวต่างชาติบางคนจะเรียกสายพันธุ์นี้ว่า “Wild Thailand”

Wild Seed

รูปดอกสายพันธุ์ Wild Seed ที่มา : worldofseeds

ลักษณะของสายพันธุ์ Wild Seed

Wild Seed เป็นกัญชาที่มีค่า THC สูงมากๆ นิยมในกลุ่มของคนที่ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ ตัวดอกจะมีลักษณะเป็นสีขาวค่อนข้างมาก และมีขนสีส้มขึ้นแซมอยู่ตามดอก ความสูงของลำต้นสูงได้ตั้งแต่ 1.3 เมตร ไปจนถึง 3 เมตรเลย รวมถึงพันธุ์ Wild Seed ยังมีความต้านทานต่อเชื้อราสูงอีกด้วย

สรุป

จริงๆ กัญชายังมีอีกหลากหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะในบ้านเราที่โดดเด่นก็จะมีอยู่ราวๆ 5 สายพันธุ์ ซึ่งก็มีปริมาณสารสำคัญแตกต่างกันไป รวมถึงการนำไปประยุกต์ใช้ด้วย โดยสารต่างๆ ที่เราสกัดได้มันนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ทั้งการรักษาทางการแพทย์ ใช้สำหรับการผ่อนคลาย หรือใช้สำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆ

สินค้าในรถเข็น0
There are no products in the cart!
Continue shopping